Tuesday 10 April 2018

พัฒนาการสังคมไทย

พัฒนาการสังคมไทย
โดย ดุจฤดี คงสุวรรณ์

การศึกษาค้นคว้าความเป็นมาของผู้คนในดินแดนต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย เริ่มขึ้นโดยชาวตะวันตกซึ่งใช้วิธีการค้นคว้า คือ เดินทางไปสำรวจด้วยตนเอง สอบสวนค้นคว้าทางภาษา การแต่งกาย ความเป็นอยู่ สภาพบ้านเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและอื่น ๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้จากประจักษ์พยานไปประมวลเป็นงานเขียนหรือรายงานการสำรวจ และอีกวิธีคือ สืบค้นนำข้อมูลที่ได้จากประจักษ์พยานไปประมวลเป็นงานค้นคว้าของชาวต่างประเทศที่เรียบเรียงไว้ ดังนั้นวิธีการดังกล่าวรวมทั้งการศึกษาค้นคว้าของคนไทยได้ก่อให้เกิดความหลากหลายในทัศนะเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทย ตามที่กาญจนา ละอองศรี ได้นำเสนอสมมุติฐานเกี่ยวกับชนชาติไท (ไทย) ไว้ในหนังสือชื่อ “กว่าจะเป็น คนไทย” (2531) ดังนี้ 
👂สมมุติฐานที่ 1 เชื่อว่าถิ่นกำเนิดของคนไท (ไทย) อยู่บริเวณมณฑลเสฉวน ตอนกลางของประเทศจีน แล้วอพยพลงมาทางตอนใต้ เข้าสู่แคว้นสุวรรณภูมิ ผู้ที่มีความเชื่อในกลุ่มนี้ คือ เตเรียน เดอลาคูเปอรี สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยาอนุมานราชธน และหลวงวิจิตรวาทการ 
👂สมมุติฐานที่ 2 เชื่อว่าถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่บริเวณเขาอัลไต ทางตอนเหนือของประเทศจีน อพยพลงเข้าสู่ตอนกลางของประเทศจีนและเข้าสู่สุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ คือ หมอสอนศาสนาอเมริกันชื่อวิลเลียม คลิพตัน ด็อดด์ ได้เดินทางไปสำรวจโดยเริ่มจากเชียงราย เชียงตุง สิบสองปันนา ยูนนาน กวางสี กวางตุ้ง ผลจากการสำรวจอยู่ในงานเขียนเรื่อง “เผ่าไทย: พี่ใหญ่ของจีน” (The Thai Race: The Elder Brother of Chinese) งานเขียนนี้สรุปว่าไทยสืบเชื้อสายมาจากมองโกล นักวิชาการไทยที่ได้สืบทอดแนวความคิดมาเขียนเพิ่มเติม คือ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนนาคพันธ์) ได้เขียนหนังสือชื่อ “หลักไทย” ซึ่งเป็นวรรณคดีของราชบัณฑิตยสภาในปี พ.ศ.2471 โดยสรุปว่าถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่บริเวณเทือกเขาอัลไต แนวความคิดนี้นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันไม่ยอมรับเพราะไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน 
👂สมมุติฐานที่ 3 เชื่อว่าไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณตอนใต้ของจีนและทางเหนือของภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนแคว้นอัสสัมของอินเดีย ผู้ที่มีแนวคิดเช่นนี้ คือ นักสำรวจชาวอังกฤษ ชื่อ อาร์ชิบัล อาร์ โคลกุน (Archibal R.Colauhoun) ได้เดินทางสำรวจจากกวางตุ้งไปยังมัณฑเลย์ในพม่าและได้เขียนหนังสือชื่อ “ไครซ์” (Chryse) ได้พบว่ามีคนเชื้อชาติไทยได้อาศัยอยู่บริเวณนี้ ต่อมา อี เอช ปากเกอร์ (E.H.Parker) เขียนบทความเรื่อง “น่านเจ้า” สนับสนุนว่าเป็นอาณาจักรของคนไทย นักประวัติศาสตร์ไทยที่เชื่อว่าไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณตอนใต้ของจีน คือ ศาสตราจารย์ขจร สุขพาณิช และจิตร ภูมิศักดิ์  
👂สมมุติฐานที่ 4 เชื่อว่าถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คืออยู่บริเวณทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยหรือในอินโดจีน หรือบริเวณคาบสมุทรมลายูและหมู่เกาะต่าง ๆ ในอินโดนีเซีย โดยศึกษาทางการแพทย์ด้านความถี่ของยีน กลุ่มเลือดและฮีโมโกลบิน คือ นายแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สมบูรณ์ นายแพทย์ประเวศ วะสี และ ผศ.ดร.เสมอชัย พูลสุวรรณควบคู่ไปกับการศึกษาโดยใช้หลักพันธุศาสตร์ตรวจสอบความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า บรรพบุรุษของคนไทยนั้นมีความคล้ายคลึงกันทางพันธุกรรมกับกลุ่มคนพื้นเมืองดั้งเดิมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนั้นยังพบว่าวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆเรื่อง เช่นการใช้กลองมโหระทึกในพิธีกรรมเกี่ยวกับการเกษตรกรรมในกลุ่มชาวจ้วงและกลุ่มชาติพันธุ์ไทอื่นๆ โบราณวัตถุที่เป็นสำริด – เหล็ก ประเพณีฝังศพครั้งที่สอง ระบบความเชื่อเกี่ยวกับขอฝนและบูชาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกบ วัฒนธรรมหม้อสามขา (สุจิตต์ วงศ์เทศ, 2550)

นอกจากความคล้ายคลึงกันเกี่ยวกับวัฒนธรรมข้างต้นแล้วยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับเส้นทางการเคลื่อนย้ายของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับการเคลื่อนไหวทางทะเล – ทางบก ว่าถิ่นฐานของชนชาติไท (ไทย) กระจายอยู่ตามลุ่มน้ำสำคัญทางตอนใต้ของจีนหรือทางตอนเหนือของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายไปมาผสมกลมกลืนกับกลุ่มชนพื้นเมือง (สุจิตต์ วงษ์เทศ, 2529) โดยครั้งแรกในการเคลื่อนย้ายเป็นการกระจายตามแนว “ตะวันออก – ตะวันตก” (ศรีศักร วัลลิโภดม, 2536) เรียกว่า “ไทยน้อย” กับ “ไทยใหญ่” โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแกนกลาง พวกไทยน้อยอยู่ทางตะวันออก ส่วนพวกไทยใหญ่อยู่ทางตะวันตก ต่อจากนั้นจึงขยายตัวลงตามแนว “เหนือ – ใต้” กลายเป็นพวก “ไทยสยาม” มีการผสมกลมกลืนกับบรรดาชนชาติและชนเผ่าอื่น ๆ จนเกิดเป็นรัฐและอาณาจักรที่ได้รับอิทธิพลอินเดียในเวลาต่อมา เหตุการณ์การเคลื่อนย้ายข้างต้นนั้นทั้งศรีศักร วัลลิโภดม และ สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวไว้ว่าเกิดขึ้นประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว (ศรีศักร วัลลิโภดม และ สุจิตต์ วงษ์เทศ, 2534)

สมมุติฐานที่ 5 เชื่อว่าคนไทยอยู่ที่บริเวณประเทศไทยปัจจุบัน สมมุติฐานนี้มีความต่อเนื่องจากสมมุติฐานที่ 4 ข้างต้น กล่าวคือเป็นการศึกษาจากหลักฐานทางโบราณคดีร่วมกับหลักฐานทางวัฒนธรรมอื่นๆ นักคิดในกลุ่มนี้ได้แก่ ควอริชท์ เวลส์ นายแพทย์สุด แสงวิเชียร และศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี หลักฐานทางโบราณคดีที่นำมาใช้ในการศึกษาได้แก่โครงกระดูกมนุษย์ที่ขุดค้นพบ ณ อำเภอบ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยวิธีการเปรียบเทียบกับโครงกระดูกของคนไทยในปัจจุบัน (ปี 2525) สรุปว่ามีลักษณะที่ไม่แตกต่างกันทั้งในเรื่องความสูง พยาธิสภาพ ประเพณีเกี่ยวกับการแต่งฟัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามสมมุติฐานเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของชนชาติไท (ไทย) ก็ยังไม่อาจสรุปได้จำต้องมีการศึกษาค้นคว้าต่อไปทั้งนี้เพื่อสร้างความสมานฉันท์ระหว่างคนไท (ไทย) บนผืนแผ่นดินไทยด้วยกันเอง ทั้งนี้เป็นเพราะคำว่า “ไทย” นั้นเพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรกในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้เปลี่ยนชื่อ “ประเทศสยาม” เป็น “ประเทศไทย” พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ของประเทศขึ้นมาใหม่ โดยให้ความสำคัญเฉพาะ “ชนชาติไทย” เป็นหลัก แต่ละเลยความสำคัญของ “ดินแดน” และ “ผู้คน” ซึ่งประกอบด้วยชาวพื้นเมืองดั้งเดิมและกลุ่มชนชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่เข้ามาผสมกลมกลืนจนกลายเป็น “ชาวสยาม” หรือ “คนไทย” สืบมาถึงปัจจุบัน ฉะนั้น บรรพชนของ “คนไทย” ทุกวันนี้คือ “ชาวสยาม” ที่ประกอบไปด้วยเม็ง-มอญ ขอม-เขมร ลวะ-ละว้า ข่า-ข้อย ลาวและ “แขก” อย่างมาเลย์-จามรวมทั้งเจ๊ก-จีน ฯลฯ คนพวกนี้เกือบทั้งหมดมีถิ่นฐานเป็นคนพื้นเมืองอยู่ในดินแดนประเทศไทยนี้มาแต่ดั้งเดิม ส่วนน้อยมาจากที่อื่น แต่ก็อยู่ที่นี่มาช้านาน แล้ว

เพราะฉะนั้นบรรพชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากที่ไหนแต่อยู่ที่นี่ แม้ว่าวันนี้จะมีชนชาติไทยกระจายอยู่นอกประเทศแต่พวกนั้นก็ไม่ได้อพยพหลบหนีการรุกรานมาจากไหน ล้วนมีถิ่นฐานอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแต่ดั้งเดิมอย่างน้อยเป็นเวลากว่า 3,000 ปีมาแล้ว


No comments:

Post a Comment