พจนานุกรมและนักวิชาการได้ให้ความหมายของการวิจัยไว้คล้ายๆ กัน ได้แก่
การวิจัย หมายถึง การค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา
การวิจัย คือ การสังเกตอย่างมีระบบเพื่อแสวงหาและทำความเข้าใจแบบแผนของสิ่งที่สังเกตได้
การวิจัย หมายถึง การแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ด้วยระเบียบวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการอธิบายปรากฎการณ์นั้นๆ การวิจัยจึงต้องประกอบด้วยลักษณะที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1. เป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ
2. เป็นการแสวงหาด้วยวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์
3. เป็นการแสวงหาโดยมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการอธิบายปรกฏการณ์นั้นๆ
การวิจัย ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า "research" ซึ่งตามพจนานุกรมของเมอร์เรียมเวบสเตอร์ (Merriam Webster Dictionary) ได้กำหนดนิยามของคำว่า "research" ในความหมายทั่วไปว่า เป็นการตรวจสอบหรือศึกษาอยางระมัดระวังและขะมักขมันในการแสวงหาข้อเท็จจริงหรือหลักการ เพื่อให้เกิดความแน่นอนในบางสิ่งบางประการ อย่างไรก็ดี คำว่า "research" มีรากศัพท์มาจากคำว่า "re" และคำว่า "search" แปลว่า การค้นหา ส่วนคำว่า "re" แปลว่า อีกครั้ง ดังนั้น คำว่า "research" จึงหมายถึง การค้นหาแลัวค้นหาอีก เพื่อให้ทราบว่าอะไร คือ ความจริงแท้ของปรากฏการณ์ และอะไร คือ สาเหตุของปรากฏการณ์ นอกจากนี้ การเพิ่มความหมายให้กับคำว่า "research" ก็ยังอาจกระทำได้โดยใช้วิธีการขยายความหมายให้กับอักษรแต่ละตัวจนครบทั้ง 8 ตัวอักษร ดังต่อไปนี้
อักษร "R" แทนคำว่า "Reality" (ความจริงแท้) ซึ่งหมายความว่า การวิจัยเป็นการมุ่งแสวงหาความจริงแทัของปรากฏการณ์ ดังนั้น ถ้าปรากฏการณ์มีหลายมิติดุจ "พรหมสี่หน้า" การวิจัยที่ครอบคลุมก็จะต้องแสวงหาความจริงแท้ของปรากฏการณ์ในทุกมิติ
อักษร "E" แทนดำว่า "Ethics" (จริยธรรม) ซึ่งหมายความถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติของนักวิจัย กล่าวได้ว่า นักวิจัยที่พึงปรารถนาต้องเป็นผู้ที่ต้องตระหนักถึงทั้งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนของผู้อื่น และต้องเคารพทั้งต่อตนเองและผู้อื่นในการดำเนินงาน
อักษร "S" แทนคาว่า "Science" (ความเป็นวิทยาศาสตร์) ซึ่งหมายความว่า การดำเนินงานวิจัยจัดเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กล่าวได้ว่า วิทยาศาสตร์มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) อย่างเป็นระบบ และในปัจจุบัน "จิต" และ "สติ" ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการตีความในแต่ละขั้นตอนของการวิจัยด้วย
อักษร "E" แทนคำว่า "Exchange" (การแลกเปลี่ยน) ซึ่งหมายความว่า การวิจัยในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตมีลักษณะมุ่งเน้นการทำงานเป็นทีมวิจัยที่จะมุ่งแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะสามารถศึกษาปรากฏการณ์ได้อยางกว้างขวางและครอบคลุมยิ่งขึ้น
อักษร"A"แทนค่ำว่า "Ability" (ความสามารถ) ซึ่งหมายความว่า การดำเนินงานวิจัยต้องอาศัยทีมงานที่มีความสามารถ มีสติปัญญา เพื่อให้งานวิจัยสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างได้มาตรฐาน
อักษร "R" แทนคำว่า "Readiness" (ความพร้อมสรรพ) ซึ่งหมายความว่า การวิจัยที่มีคุณภาพนั้น จำเป็นต้องอาศัยความพร้อมของทั้งนักวิจัย วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ เวลาและสถานที่วิจัย นักวิจัยจึงควรตระหนักอยู่เสมอว่าบุคคลผู้ประสบความสำเร็จในการทำงานก็ย่อมได้แก่ บุคคลผู้มีความพรัอมเมื่อโอกาสมาถึง
อักษร "C" แทนคำว่า "Creativity" (ความคิดริเริ่ม) ซึ่งหมายความว่า การวิจัยจำเป็นต้องอาศัยความคิดริเริ่ม รวมทั้งความอยากรู้อยากเห็นของนักวิจัยและทีมงานวิจัยอย่างมาก
อักษร "H" แทนคำว่า "Hunch" (วิจารณญาณ) ซึ่งหมายความว่า การวิจัยต้องพี่งพาปัญญาที่สามารถให้เหตุผลที่ถูกต้องเหมาะสม
จากความหมายตามพจนานุกรมและความหมายที่นักวิชาการต่างๆ ข้างตันได้ให้ไว้ อาจสรุปได้ว่า การวิจัย คือ การศึกษาหาความรู้อย่างมีแบบแผนตามวิธีวิทยาศาสตร์เพื่อให้พบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ
No comments:
Post a Comment